วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สื่อสิ่งพิมพ์

สวัสดีเพื่อนชาว blogger วันนี้ผมจะมาให้ความรู้เรื่อง"สื่อสิ่งพิมพ์ในปัจจุบัน"
สื่อสิ่งพิมพ์=ริ่มแรกในระบบการพิมพ์จะใช้ช่างศิลป์ ช่างทำแม่พิมพ์ที่มีทักษะและความชำนาญในการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์เป็นอย่างมาก ซึ่งสิ่งพิมพ์เริ่มแรกนั้นเป็นการแกะสลักตัวอักษรลงหิน จากนั้นก็เขียนบนผ้าไหม หนังสัตว์ จากนั้นพัฒนาการมาเป็นการเขียนบนกระดาษโดยในปัจจุบันความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ให้การสร้างงานสิ่งพิมพ์ง่ายขึ้น

 ความหมายและความสำคัญของสื่อสิ่งพิมพ์
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายคำที่เกี่ยวกับ “สื่อสิ่งพิมพ์” ไว้ดังนี้ คำว่า “สิ่งพิมพ์” หมายถึงสมุด แผนกระดาษหรือวัตถุใด ๆ ที่พิมพ์ขึ้น รวมตลอดทั้งบทเพลง แผนที่ แผนผังภาพ ภาพวาด ภาพระบายสี ใบประกาศ แผ่นเสียง หรือสิ่งอื่นใดอันมีลักษณะเช่นเดียวกัน

“สิ่งพิมพ์” หมายถึง ข้อความ ข้อเขียน หรือภาพที่เกี่ยวกับแนวความคิด  ข้อมูล สารคดีบันเทิง ซึ่งถ่ายทอดด้วยการพิมพ์ลงบนกระดาษ ฟิล์ม หรือวัสดุพื้นเรียบ

“สื่อ” หมายถึง การติดต่อให้ถึงกันชักนำให้รู้จักกัน หรือตัวกลางที่ทำการติดต่อให้ถึงกัน

"พิมพ์” หมายถึง ถ่ายแบบ ใช้เครื่องจักรกดตัวหนังสือหรือภาพ ให้ติดบนวัตถุ เช่นแผ่นกระดาษ ผ้า ทำให้เป็นตัวหนังสือ หรือรูปรอยอย่างใด ๆ โดยการกดหรือการใช้พิมพ์ 
ดังนั้น “ สื่อสิ่งพิมพ์” จึงมีความหมายว่าจะเป็นแผ่นกระดาษหรือวัตถุใด ๆ ด้วยวิธีต่าง ๆ อันเกิดเป็นชิ้นงานที่มีลักษณะเหมือนต้นฉบับขึ้นหลายสำเนา ในปริมาณมากเพื่อเป็นสิ่งที่ทำการติดต่อหรือชักนำให้บุคคลอื่นให้เห็นหรือทราบข้อมูลต่าง ๆ” สิ่งพิมพ์มีหลายชนิด ได้แก่ เอกสารหนังสื่อเรียน หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสาร บันทึก รายงาน ฯลฯ

ประเภทของสื่งพิมพ์

สื่อสิ่งพิมพ์สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
  1. หนังสือพิมพ์ (Newspapers)
  2. นิตยสารและวารสาร (Magazines and Journals)
  3. หนังสือเล่ม (Book)
  4. สิ่งพิมพ์เฉพาะกิจต่าง ๆ เช่น ใบปลิว (Leaflets) แผ่นพับ (Folders) เอกสารเล่มเล็กหรือจุลสาร (Booklets หรือ Pamphlets) จดหมายข่าว (News letters)

หนังสือพิมพ์ (Newspapers)
      หนังสือเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่เป็นสื่อมวลชนประเภทหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัว คือ มีเนื้อหาเน้นหนักในเรื่องของการรายงานข่าว และเหตุการณ์สำหรับคนทั่วไป มีความหลากหลายในเนื้อหา ไม่เน้นเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง นอกจากนี้หนังสือพิมพ์จะต้องพิมพ์เป็นรายประจำแน่นนอนสม่ำเสมอ อาจเป็นรายวันหรือรายสัปดาห์ก็ได้ และพิมพ์เผยแพร่สู่สาธารณชนจำนวนมากๆ

นิตยสารและวารสาร (Magazines and Journals)
        นิตยสารและวารสารเป็นหนังสือที่มีระยะเวลาออกเป็นรายคาบไว้แน่นอน เช่น รายยสัปดาห์ รายปักษ์ (ครึ่งเดือน) รายเดือน ราย 3 เดือน เป็นต้น
นิตยสาร (Magazines) มีลักษณะต่างจากสิ่งพิมพ์อื่น ๆ คือ เน้นหนักทางด้านเสนอบทความ สารคดี และข้อเขียนต่าง ๆ ที่ให้ความรู้ ความบันเทิงกับผู้อ่านโดยทั่วไป มีการจัดหน้าและรูปเล่มที่สวยงาม ในประเทศไทยมีนิตยสารอยู่มากมายหลายฉบับ ทั้งนิตยสารที่ให้ความรู้ความบันเทิงเฉพาะด้านแตกต่างกันไป


หนังสือเล่ม (Book) 
        หนังสือเล่มคือ สิ่งพิมพฺที่เย็บรวมกันเป็นเล่มที่มีความหนาและมีขนาดต่าง ๆ กัน ไม่มีกำหนดออกแน่นอน และไม่ต่อเนื่องกัน มีเนื้อหาที่เป็นเรื่องเดียวกัน ไม่หลายหลายและมีความสมบูรณ์ในตัวเอง

สิ่งพิมพ์เฉพาะกิจ
        เป็นหนังสือพิมพ์ที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้ในกิจการใดกิจการหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น การโฆษณาประชาสัมพันธ์ โครงการเผยแพร่ความรู้ด้านต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นสิ่งพิมพ์ที่กล่าวมาแล้วใน 3 ชนิดแรก

ข้อดีของสื่อสิ่งพิมพ์
1. กระบวนการในการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์สามารภทำได้หลายแบบ
2. สามารถจัดพิมพ์ได้หลายรูปแบบ
3. สามารถใช้สื่อสิ่งพิมพ์ได้หลายๆ
4. สิ่งพิมพ์สามารถผลิตเพื่อใช้ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะด้านได้
5. การผลิตสิ่งพิมพ์สามารถปรับใช้ให้เหมาะสมกับกับกระบวนการใช้และผลลัพธ์ที่ต้องการตามสภาพของ
ข้อจำกัดของสื่อสิ่งพิมพ์

 1. วัสดุที่ใช้มีความบอบบางและฉีกขาดง่าย
 2. เก็บรักษายากเนื่องจากมีลักษณะ รูปทรง และขนาดแตกต่างกันมาก
 3. การเก็บรักษาในระยะยาว สำหรับสิ่งพิมพ์จำนวนมาก ๆ

 

 

วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กระบวนการคิดสร้างสรรค์

สวัสดีเพื่่อนๆชาวBLOGGERทุกๆคนนะครับ วันนี้ผมจะมาเขียนblogเรื่่อง: กระบวนการคิดสร้างสรรค์
ก่อนอื่นเรามารุ้จักความคิดสร้างสรรค์กันก่อนนะครับ
ความคิดสร้างสรรค์ คือกระบวนการคิดของสมองซึ่งมีความสามารถในการคิดได้หลากหลายและแปลกใหม่จากเดิม โดยสามารถนำไปประยุกต์ทฤษฎี หรือหลักการได้อย่างรอบคอบและมีความถูกต้อง จนนำไปสู่การคิดค้นและสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่แปลกใหม่หรือรูปแบบความคิดใหม่ 
ความคิดสร้างสรรค์ ควรจะประกอบไปด้วย 3 ประการ คือ
        1. สิ่งใหม่ (new, original) เป็นการคิดที่แหวกวงล้อมความคิดที่มีอยู่เดิม ที่ไม่เคยมีใครคิดได้มาก่อน ไม่ได้ลอกเลียนแบบใคร แม้กระทั่งความคิดเดิมๆ ของตนเอง
        2.ใช้การได้ (workable) เป็นความคิดที่เกิดจากการสร้างสรรค์ที่ลึกซึ้ง และสูงเกินกว่าการใช้เพียง "จินตนาการเพ้อฝัน" คือ สามารถนำมาพัฒนาให้เป็นจริง และใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม และสามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ ของการคิดได้เป็นอย่างดี
        3. มีความเหมาะสม เป็นความคิดที่สะท้อนความมีเหตุมีผล ที่เหมาะสม และมีคุณค่า ภายใต้มาตรฐานที่ยอมรับกันโดยทั่วไป
พอเรารู้จักคสามคิดสร้างสรรค์กันแล้วก็ต้องนำความคิดสร้างสรรค์มาสานต่อเป็นกระบวนการคิดสร้างสรรค์
และกระบวนการคิดสร้างสรรค์คือ วิธีคิดหรือกระบวนการทำงานของสมองที่มีขั้นตอนต่างๆในการคิดแก้ปัญหาจนสำเร็จ ซึ่งมีหลายแนวคิดเช่น
              Wallas ได้เสนอว่ากระบวนการของความคิดสร้างสรรค์เกิดจากการคิดสิ่งใหม่ๆโดยการลองผิดลองถูก ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนคือ
1. ขั้นเตรียมการ คือการข้อมูลหรือระบุปัญหา
2. ขั้นความคิดกำลังฟักตัว คือการอยู่ในความสับสนวุ่นวายของข้อมูลที่ได้มา
3. ขั้นความคิดกระจ่างชัด คือขั้นที่ความคิดสับสนได้รับการเรียบเรียงและเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ทำให้เห็นภาพรวมของความคิด
4. ขั้นทดสอบความคิดและพิสูจน์ให้เห็นจริง คือขั้นที่รับความคิดเห็นจากสามขั้นแรกข้างต้นมาพิสูจน์ว่าจริงหรือถูกต้องหรือไม่
และวันนี้ผมจะยกตัวอย่างโฆษณาที่จากการใช้กระบวนการคิดสร้างสรรค์กันนะครับ 
นั้นก็คือ โฆษณาของ ดัชมิลล์ สมูทตี้ โฆษณานี้เป็นโฆษณานมเปรี้ยวที่มีส่วนผสมจากโยเกิร์ต
จึงทำให้น้ำนุ่มๆเข้มข้นๆ โดยโฆษณานี้จะเป็นการแข่งต่อยมวย ซึ่งกีฬาต่อยมวยเป้นกีฬาที่ใช้แต่กำลัง
แต่โฆษณานี้นักมวยได้กิน ดัชมิลล์ สมูทตี้ ก่อนแข่งพอเริ่มแข่งนักมวยแทนที่จะต่อยกันกลับเตต้นบัลเล่
แทนเพราะกินดัชมิลล์ สมูทตี้ จึงทำให้ตัวอ่อน โฆษณานี้ก็ได้จากการใช้กระบวนการคิดสร้างสรรค์
ถ้าเรานำกระบวนการคิดสร้างสรรค์มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันก็จะไได้สิ่งใหม่ๆอีกมากมาย
หวังว่าทุกคนจะนำกระบวนการคิดสร้างสรรค์ ไปใช้กันนะคร๊าบบบๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

อ้างอิงโฆษณา:http://www.youtube.com/watch?v=eYhkemw4R0o

วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สวัสดีเพื่อนทุกคน
ผมชื่อ เชค ครับ  อยู่โรงเรียนสาธิตปทุมวัน ม.4/142 เลขที่ 34
มาเรียนวิชาเอกนิเทศน์ วันนี้ผมจะมาแนะนำเพื่อนในห้องกันครับ
เพื่อนคนแรกชื่อ ปอนด์ ปารัน ฉายา โหน่องงงง มาแว้ว
เพื่อนคนที่สอง ชื่อบอย นักแว๊นมอไซด์ย่านครองหลอด
เพื่อนคนที่สาม ชื่อไปป์ดาราพี้ยาชอบด่าคนอื่น
เพื่อนคนที่สี่ ชื่อออม ชอบพูดส่าคิดถึงคนขี้งอลแล้วชอบร้องเพลงคู่กรรม
เพื่อนคนที่ห้า ชื่อนัทจวงงง มีขางอันโดดเด่นที่เป็นรูปสามเหลี่ยม
เพื่อนคนสุดทายชื่อเตงชอบเด้ง นักเตอบุรีรัม
และยังมีสาวสวยหน้ามวยชื่อ เพนนี กับ อิมมี่ อีกด้วย

ขอบคุณเพื่อนๆๆทุกคนที่อ่านบล็อคผม